ใน การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 69 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีเวทีคู่ขนานเป็นการประชุมระหว่างกลุ่มรัฐมนตรีต่างประเทศกับสหรัฐ ในวันที่ 26 ก.ย.

งานนี้ผู้แทนของไทย พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ในฐานะผู้ร่วมวงของอาเซียนจึงมีโอกาสทักทาย นายจอห์น แคร์รี รมว.การต่างประเทศสหรัฐด้วย

หลังจากการติดต่อสัมพันธ์ในระดับรัฐมนตรีชะงักงันไปนับตั้งแต่เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองวันที่ 22 พ.ค.2557

อย่างไรก็ตามการทักทายครั้งนี้ยังจำกัดวงอยู่ในนามอาเซียนกับสหรัฐ และยังรอพัฒนาการของการฟื้นฟูประชาธิปไตยของไทยในอนาคต

ผิดกับความสัมพันธ์ของจีนที่ไม่ได้อาศัยประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไข

นาย หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวระหว่างการพบปะหารือระหว่างพลเอกธนะศักดิ์ ยืนยันในท่าทีเดิมว่า จีนมองเรื่องการเมืองของไทยเป็นเรื่องภายใน และเป็นสิ่งที่คนไทยต้องแก้ไขกันเอง ซึ่งจีนเน้นย้ำในเรื่องของความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทย

ส่วนท่าทีของ "คนกลาง" อย่าง นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ เป็นไปแนวทางสากลดังที่ย้ำมาตลอดกับไทย

นายบันกล่าวกับพล.อ.ธนะศักดิ์ ว่าขอให้ไทยแก้ไขปัญหาความแตกต่างขัดแย้งผ่านการเจรจาทางการเมืองและการประนีประนอม
ทั้งย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิมนุษยชนและรับรองถึงการหวนคืนของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
สํา หรับเนื้อหาการหารือระหว่างสหรัฐและอาเซียนในการประชุมดังกล่าวมีหัวข้อความ ร่วมมือต่างๆ ทั้งด้านความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ไปจนถึงภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย

ประเด็น ท้ายนี้ อาเซียนหยิบยกมาคุยกันในที่ประชุมรมว. ต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการเป็นพิเศษ เนื่องจากกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในประเทศอิรักและซีเรียเติบโตขึ้นจากการระดมกองกำลังจากภาคพื้นต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงจากอาเซียน

ที่ประชุมอาเซียนออกแถลงการณ์ว่า สมาชิกประเทศอาเซียนมีความห่วงกังวลต่อความรุนแรงที่กำลังมีมากขึ้นจากการ กระทำของกลุ่มก่อการร้ายและองค์กรลัทธิหัวรุนแรง ในประเทศอิรักและซีเรีย

"กลุ่ม ดังกล่าวไม่เพียงเป็นภัยต่อประชาชนชาวอิรักและซีเรีย แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อทุกประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งหากปล่อยปละละเลย อาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อทุกชาติบนโลก"

แถลงการณ์ ยังระบุแสดงความไม่เห็นด้วยกับการก่อความรุนแรงและการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ว่า อาเซียนสนับสนุนข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 2170 (2014) และ 2178 (2014) ที่เรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันกดดันเส้นทางการเงินและการเดินทางของ สมาชิกองค์กรการก่อการร้าย และผู้สนับสนุน เพื่อไม่ให้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพ ความมั่นคงของนานาชาติ



"จึง ขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกสกัดกั้นและกดดันการเกณฑ์ จัดตั้งขบวนการการขนส่ง และการจัดหาสิ่งใดๆ ให้กับบุคคลผู้ซึ่งเดินทางข้ามประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อบงการ วางแผน รวมทั้งเตรียมการ ฝึกฝน เพื่อการก่อการร้าย"

หลังจบจากเวทีการประชุมที่ยูเอ็นดังกล่าว ซึ่งมีตัวแทนรัฐบาลไทยไปร่วมเวทีสากลครั้งแรก ผู้นำคนใหม่ของไทยยังมีกำหนดไปร่วมเวทีการประชุมระหว่างประเทศ อื่นๆ ที่จะตามมา

ในเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ดูจะไม่เป็นปัญหาใดๆ เนื่องจากความสัมพันธ์ของไทยกับพม่าเป็นไปอย่างแนบแน่น และ ในกลุ่มอาเซียนมีนโยบายไม่แทรกแซงต่อกันเป็นเกราะกำบัง

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเผยว่า ในเวทีดังกล่าว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุม โดยมีประเด็นการหารือ อาทิ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน และการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก การเปิดจุดผ่านแดนถาวร "สิงขร" ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การหารือความร่วมมือการส่งคืนผู้อพยพชาวพม่า การปักปันเขตแดน และโครงการทวาย ที่ล่าสุด ประเทศญี่ปุ่น แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาด้วย

ส่วนเวทีถัดไปใน การประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ที่นครมิลาน ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค. ไทยยังคงมีอาเซียนเป็นช่องทางสู่การพบปะสหภาพยุโรป หรืออียู

หลังชะงักไปเช่นกันนับจากเหตุการณ์ 22 พ.ค.

ใน เวทีนี้ การตกลงให้มีการประชุมความร่วมมือกรอบใหม่ เพื่อ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป โดยลักษณะเป็นการประชุมฝ่ายละ 3 คน เรียกว่า TRIGA ซึ่งฝ่ายอาเซียน จะมีพม่าในฐานะประธานอาเซียน เวียดนามในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-อียู และไทยในฐานะผู้รับหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานประเทศ

ภายในเกราะของอาเซียนขณะนี้ไทยจึงยังมีพื้นที่ให้ยืนบนเวทีโลก

โค๊ด: [Select]

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE1qTTFNVGN6Tnc9PQ==&catid=07

ใน การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 69 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีเวทีคู่ขนานเป็นการประชุมระหว่างกลุ่มรัฐมนตรีต่างประเทศกับสหรัฐ ในวันที่ 26 ก.ย.

งานนี้ผู้แทนของไทย พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ในฐานะผู้ร่วมวงของอาเซียนจึงมีโอกาสทักทาย นายจอห์น แคร์รี รมว.การต่างประเทศสหรัฐด้วย

หลังจากการติดต่อสัมพันธ์ในระดับรัฐมนตรีชะงักงันไปนับตั้งแต่เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองวันที่ 22 พ.ค.2557

อย่างไรก็ตามการทักทายครั้งนี้ยังจำกัดวงอยู่ในนามอาเซียนกับสหรัฐ และยังรอพัฒนาการของการฟื้นฟูประชาธิปไตยของไทยในอนาคต

ผิดกับความสัมพันธ์ของจีนที่ไม่ได้อาศัยประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไข

นาย หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวระหว่างการพบปะหารือระหว่างพลเอกธนะศักดิ์ ยืนยันในท่าทีเดิมว่า จีนมองเรื่องการเมืองของไทยเป็นเรื่องภายใน และเป็นสิ่งที่คนไทยต้องแก้ไขกันเอง ซึ่งจีนเน้นย้ำในเรื่องของความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทย

ส่วนท่าทีของ "คนกลาง" อย่าง นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ เป็นไปแนวทางสากลดังที่ย้ำมาตลอดกับไทย

นายบันกล่าวกับพล.อ.ธนะศักดิ์ ว่าขอให้ไทยแก้ไขปัญหาความแตกต่างขัดแย้งผ่านการเจรจาทางการเมืองและการประนีประนอม
ทั้งย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิมนุษยชนและรับรองถึงการหวนคืนของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
สํา หรับเนื้อหาการหารือระหว่างสหรัฐและอาเซียนในการประชุมดังกล่าวมีหัวข้อความ ร่วมมือต่างๆ ทั้งด้านความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ไปจนถึงภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย

ประเด็น ท้ายนี้ อาเซียนหยิบยกมาคุยกันในที่ประชุมรมว. ต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการเป็นพิเศษ เนื่องจากกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในประเทศอิรักและซีเรียเติบโตขึ้นจากการระดมกองกำลังจากภาคพื้นต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงจากอาเซียน

ที่ประชุมอาเซียนออกแถลงการณ์ว่า สมาชิกประเทศอาเซียนมีความห่วงกังวลต่อความรุนแรงที่กำลังมีมากขึ้นจากการ กระทำของกลุ่มก่อการร้ายและองค์กรลัทธิหัวรุนแรง ในประเทศอิรักและซีเรีย

"กลุ่ม ดังกล่าวไม่เพียงเป็นภัยต่อประชาชนชาวอิรักและซีเรีย แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อทุกประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งหากปล่อยปละละเลย อาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อทุกชาติบนโลก"

แถลงการณ์ ยังระบุแสดงความไม่เห็นด้วยกับการก่อความรุนแรงและการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ว่า อาเซียนสนับสนุนข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 2170 (2014) และ 2178 (2014) ที่เรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันกดดันเส้นทางการเงินและการเดินทางของ สมาชิกองค์กรการก่อการร้าย และผู้สนับสนุน เพื่อไม่ให้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพ ความมั่นคงของนานาชาติ



"จึง ขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกสกัดกั้นและกดดันการเกณฑ์ จัดตั้งขบวนการการขนส่ง และการจัดหาสิ่งใดๆ ให้กับบุคคลผู้ซึ่งเดินทางข้ามประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อบงการ วางแผน รวมทั้งเตรียมการ ฝึกฝน เพื่อการก่อการร้าย"

หลังจบจากเวทีการประชุมที่ยูเอ็นดังกล่าว ซึ่งมีตัวแทนรัฐบาลไทยไปร่วมเวทีสากลครั้งแรก ผู้นำคนใหม่ของไทยยังมีกำหนดไปร่วมเวทีการประชุมระหว่างประเทศ อื่นๆ ที่จะตามมา

ในเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ดูจะไม่เป็นปัญหาใดๆ เนื่องจากความสัมพันธ์ของไทยกับพม่าเป็นไปอย่างแนบแน่น และ ในกลุ่มอาเซียนมีนโยบายไม่แทรกแซงต่อกันเป็นเกราะกำบัง

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเผยว่า ในเวทีดังกล่าว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุม โดยมีประเด็นการหารือ อาทิ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน และการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก การเปิดจุดผ่านแดนถาวร "สิงขร" ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การหารือความร่วมมือการส่งคืนผู้อพยพชาวพม่า การปักปันเขตแดน และโครงการทวาย ที่ล่าสุด ประเทศญี่ปุ่น แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาด้วย

ส่วนเวทีถัดไปใน การประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ที่นครมิลาน ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค. ไทยยังคงมีอาเซียนเป็นช่องทางสู่การพบปะสหภาพยุโรป หรืออียู

หลังชะงักไปเช่นกันนับจากเหตุการณ์ 22 พ.ค.

ใน เวทีนี้ การตกลงให้มีการประชุมความร่วมมือกรอบใหม่ เพื่อ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป โดยลักษณะเป็นการประชุมฝ่ายละ 3 คน เรียกว่า TRIGA ซึ่งฝ่ายอาเซียน จะมีพม่าในฐานะประธานอาเซียน เวียดนามในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-อียู และไทยในฐานะผู้รับหน้าที่ประเทศผู้ประสานงานประเทศ

ภายในเกราะของอาเซียนขณะนี้ไทยจึงยังมีพื้นที่ให้ยืนบนเวทีโลก

โค๊ด: [Select]

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE1qTTFNVGN6Tnc9PQ==&catid=07

Comment Facebook